|
|
ผลของการแก้ปัญหาต่างๆ+อากาศที่เย็นขึ้น |
|
|
เล่าความหลังให้ฟังกันก่อนนะครับ...คือ ช่วงหน้า ฝนที่ ฝนกระหน่ำ วันเว้นวัน นี้ นอกจากไม่มีแดด แลัว เม็ดฝน(Water Bom..!) ก็ช่วยกันทำลาย ต้นอ่อนของผม ผักในร้าน รุ่นที่ 3 เลยไม่ประสพความสำเร็จ เน่าตายบ้าง แคระแกรนบ้าง ก็เลยตัดสินใจ โล๊ะ ออกทั้งหมด..แล้วทำการ แก้ไขใหม่ทั้งหมด..ยั๊วแล้ว...งืมๆๆๆๆ อย่างแรก... |
|
|
1. ทำการกาง PE ใส กรองแสง UV ให้ครอบคลุมทุกรางปลูกเลย.. 2. ทำการ รื้ออิฐบล๊อค ปูพื้นออกยางส่วน แล้วขุดลงไปเล็กน้อย..เอาไว้เป็นที่ตั้ง ถังรวมสารละลาย ถังใหญ่ 100 สิตร ซะเลย.. 3. ยุบ รางปลูกแบบ DRFT ออก ไป 2 ชุด เพื่อให้ พระเอกเรา รางสารวัต กับราง 2 เมตร NFT เข้ามาอยู่แทน.. 4. เพิ่มความเอียง ให้กับ ราง NFT มากขึ้นไปอีก..เพื่อ ให้ การระบายน้ำออกจากรางได้รวดเร็วขึ้น จะได้ ดึงน้ำใหม่เข้ามาได้เร็วขึ้น ผลที่ตามมาก็คือ การถ่ายเทความร้อยเป็นไปอย่างดีขึ้น ..ความร้อนสะสม ลดลง.. 5. จัดภูมิทัศน์ใหม่..ทั้งข้างบ้านและหลังบ้าน |
|
|
พอทุกอย่างโล่งและพร้อมแล้ว ..ผมก็เริ่มต้นเพาะเมล็ดใหม่อีกรอบ..ที่นี้ใช้เมล็ดพันธ์ไม่เคลือบแล้ว..อันที่จริงแล้ว อัตราการเกิด ก็พอๆกับ เมล็ดเคลือบละครับ..แต่ มันปลูกยาก เมล็ดมันเล็กมาก จิ้มผิดจิ้มถูก แล้วเวลา เอาใส่ในถ้วย เพอร์ไรท์ก็ลำบาก แต่ไม่เป็นไร งก..ซะอย่าง ลำบากก็ยอม..ก็ทำการ เพาะรวมๆกับไป ประมาณ 4-5 ถาดได้..สักอาทิตย์ ก็ทำการ เอาลงอ่างเพาะ (รร.มัธยม) อีก 10 วัน แล้วก็ทำการ ย้ายลง รางปลูกที่เตรียมทั้งหมด..ตอนนี้ ผ่านมา 25 วันแล้ว..ต่างก็โตวันโตคืน รวดเร็วเป็นไปตาม ที่มันควรจะเป็นเสียที..เราจึงสรุปได้ว่า |
|
|
ฝน..ทำให้ผักไม่โต และยังทำลาย ใบอ่อน ด้วย..แถมทำให้สารละลายเปลี่ยน..เจือจาง.. ความร้อน..ใช้ถังสารละลายโตขึ้น แล้ว จับตั้งอยู่บานดินทรายซะเลย..ทำให้ สารละลายเย็นขึ้นมาหน่อย เอียง..ความเอียงที่เพิ่มขึ้น การถ่ายเทความร้อนดีขึ้น..เอียง..ความเอียงที่เพิ่มขึ้น การถ่ายเทความร้อนดีขึ้น.. อีกประมาณ 2 อาทิตย์ ก็คงเอาไปออกงานบ้านและสวนได้แล้ว..รอรุ้นกันว่า จะทัดเวลาไหม.. |
| งูเลี้อยผ่านแตงกวา..(จริงเหรอ..?) | |
|
|
ก็เจ้าแตงกวา ที่ เราเอามาจับใส่กล่องโฟม เติมน้ำสารละลาย ที่ เหลือจากการโล๊ะรางปลูกในงวดที่แล้ว ลงไป ปลูกๆๆๆๆ รอๆๆๆ มันก็ออกดอกออกรวงกันมา ตรึม..พอผ่านมาสัก 5-10 วันมันก็โตพอ รับทานกันได้..ผมก็เลย เด็ดมา ซะกองนึง คงประมาณ 7-8 ลูก ได้ ส่วนที่เหลือ ก็แจกๆคนรู้จักกันไป..จากนั้น ก็ให้แม่บ้านจัดการทำแตงกวาผัดไข่เป็นอาหารเย็นวันนั้นกัน.. |
|
|
พอยกมาเสริฟเป็นอาหารเย็นหน้าตาสวยงาม คำแรก ก็พบว่า ขม...! อะ ขม...ปี๊ๆๆๆๆๆเลย..สงสัย แม่บ้านใส่ยาพิษให้กินแหง..หันไปถามเธอก็บอกว่า ก็ทำปรกติเหมือน แตงกวา ทั่วไป แล้วเธอก็ลองชิมดูเช่นกัน ..ผลออกมาเหมือนกัน ขม...ปี้ เลย..เอะใจ ก็เลยไปหยิบ แตงที่เหลือในตู้เย็นมาปลอกเปลือก กินสดๆดู..ขม..เหมือนกันทุกผลเลย.. |
|
|
เอ้...มันเป็นไรหว่า.. ผ่านมาอีก 2-3 วัน ได้เจอกับยาย ข้างบ้าน แกชอบปลูกพืชปลูกผักเมือนกัน..ก็เลยเข้าไปขอความรู้กะแก้ซะเลย ว่าทำไมแตงกวาผมถึงได้ขม ปี๊ ซะอย่างงัน.. แกก็ตอบผมในทันที่ เพราะประสพการณ์การปลูกผักมาอย่างโชกโชนของแก มากกว่า 60 ปี เรียกว่าชำชองมาก ว่า ผมปล่อยให้ งู้เลื้อยผ่านลูกแตงกวา..เอ้ย...! |
|
|
เพิ่งเคยได้ยิน..มันเกี่ยวอะไรกะเจ้างูด้วย..แตงผมปลูกไม่ใช้ดิน แล้ว ก็ปลูกหน้าบ้านริมถนน อยากว่าแต่งูเลย ใส้เดือนสักตัวยังไม่เคยเห็นหน้ากันเลย..เพราะ พื้นหน้าบ้านเป็นปูนหมดอะ.. แกบอกว่า ให้ไปจับงูที่เลื้อยผ่านแตงตัวนั้นออกไปซะ แล้วแตงก็จะไม่ขมเอง..เงอะ..ยิ่งแล้วไปกันใหญ่....แกบอกว่า คนโบราญเขาว่ากันมา หลายชั่วอายุคนแล้ว..กรำ..! ต่อให้อมพระ อมฮออล์ หรือ อมทุเรียนทั้งลูก มาพูดยังไง ผมก็ไม่เชื่อเด็ดขาด.. |
|
|
Search ดู ถาม พี่ กู แล้ว ก้อ ได้ความมาว่า เป็นเพราะ ขาดสารอาหาร ขาดน้ำ ให้น้ำน้อยไป ..อ้าว ก็แตงผมนะ รากแช่น้ำอยู่เลยนะครับ...มันจะขาดน้ำได้ยังไง แล้วก็ EC หรือ PH ผม ก็ อยู่ในเกณท์มาตรฐานด้วย.. บางเวป ก็บอกมาว่า เป็น ยีนเด่น ของมัน ขอให้ท่านดีใจเสียเถอะ ว่าได้ทานแตงกวาขม..ว่าไปนั้น..ใครพออธิบายให้ดู เม็คเซ็นต์หน่อยนะ. ก็จักขอบพระคุณมากเลย..ตอนนี้ ก็เลยทำได้ แต่แตงกวาดอง...ดองเสร็จแล้วไม่รู้จะขมอีกใหม่..ด็อีก 2 เดือนมาบอก.. |
| แคนตาลูป กับเมล่อน | |
|
|
ก็โตๆดิดผล กันไปตามรูปนะครับ..แต่มันก็เกิดเรื่องจนได้..คือเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมพบว่า แคนตาลูฟ ผม มี เพลี้ย ตัวเล็กๆมาเกาะใต้ใบกัน ตรึมเลย..งานเข้าแล้วเรา... ก็ด้วย Concept จะยังไงก็ตาม จะไม่ใช้สารเคมี กำจัดศัตรูพืชเด็ดขาด...ก็เลยไปถาม พี่ กูเกิ้ลเจ้าเดิมอีกละ...มีบางเวป บอกว่า ให้เอาดอกดาวเรือง ครึ่งโล มาต้มกับน้ำ 4 ลิตร แล้ว ผสมน้ำสบู่ลัก 2 ช้อนโต๊ะลงไป แล้วเอาไปฉีดให้ทั่วๆ สัก 2-3 วัน เพลี้ยจะหนีไปหมดเอง..เข้าท่าแฮะ ผมก็เลยทำตาม..ฉีดอยู่ 3 วันเช้าเย็นเห็นจะได้.. |
|
|
55555... จริงด้วย เพลี้ย หายไปหมดแล้ว.....!!!......แต่พอวันที่ 4-5 ใบแคตาลุฟผมมันก็เหลือ แล้วก็ร่วงๆเหี่ยวเฉาลงตามๆกัน..ว่าแล้ว.. ทำอะไรไม่ลองดุก่อน..ดีนะ ที่ ฉีดแค่ 3 วัน..แล้วก็ ผลของมันก็ยังไม่ร่วง แต่ลูกโตช้าไปซะแล้ว..ตอนนี้ ก็ได้ แต่ รอไป ก่อน..ว่า แคนตาลูฟผมมันจะโตจนสุขได้ไหม หรือ ถ้าสุขแล้ว มันจะขมไหม เพราะ ไอ้เจ้างูตัวนั้น มันคงเลื้อยผ่าน แคนตาลูฟผมเหมือนแตงกว่า เพราะ มันอยู่ใกล้ๆกันอะ.. |
| ร่อนเพอร์ไลท์ ก่อนปลูก.. | |
|
|
ก่อนที่ผมจะทำการ เพาะและปลูกใหม่ในรอบที่ 4 มีผู้รู้บางท่านได้ให้คำแนะนำผมมาเกี่ยวกับเรื่อง ของ เพอร์ไลท์..ก็คงเป็นเพาะผมไปปรึกษา เขาถึงเรื่องที่ผักก็ต้นใหญ่แล้ว แต่ ทำไม รากถึงยังไม่งอกออกมานอกถ้วยอีก ..แล้ว พอปล่อยไปนานๆ ตั้นมันก็จะตายไปในที่สุด..เขาก็แนะนำว่า เจ้าเพอร์ไลท์เนี่ย เวลาที่เราเทใสถ้วยปลูกนี่ เราได้ ร่อน เอา ฝุ่นเพอร์ไรท์ออกก่อนไหม..หรือว่าเทจากถุงได้ก็ปลูกกันเลย..ซื่งฝุ่นเพอร์ไลท์เนี่ย เปรียบเสมือนกับ ปูนซิเมนต์เราดีๆนี้เอง มันจะไปอุดรู้ทุกอย่างของถ้วยปลูกเราหมดสิ้น ผลที่ตามมาก็คือ รากไม่สามารถออกมานอกถ้วยได้ ก็เลยอัดอั้นตันใจ ตายไปในที่สุด.. |
|
|
อ้อ..เป็นเพราะเหตุนี้ เอง..ในรอบที่ 4 นี้ ผมก็เลย ทำการ ล่อนเพอร์ไรท์ด้วย ผ้ามุ้งที่คลุมรางปลูกก่อน ..เอาผงออกไปให้หมดก่อนกรอกใส่ถ้วยปลูก จากนั้นก็ทำการ ผ่า ถ้วยปลูกเราให้ รอยผ่า ยาวขึ้นมา เกือบครึ่งถ้วยเลย เพื่อให้รากสามารถเล็ดรอดออกมาได้งาย... อืม..ว่าแล้วก็ทำตามทุกอย่าง ก็พบว่ามันดีขึ้นจริงๆ..รากออกมานอกถ้วยปลูกกันมากขึ้น เมื่อเทียบการ รอบปลูกคราวที่แล้ว..เย้...เริ่มมาถูกทางแล้ว.. |
