วิธีการการเพาะ มี 2 แบบ คือ วิธีการใช้ฟองน้ำและ ใช้ เพอร์ไรท์ |
วิธีแรก.............วิธีการเพาะเมล็ด ด้วย วัสดุปลูก ( Perlite ) 1. ใส่วัสดุปลูก ( Perlite ) ลงในถ้วยเพาะประมาณ 3/4 ของถ้วย วางเมล็ดพันธุ์ลงบนวัสดุปลูก กลบเมล็ดเล็กน้อย ใช้กระบอกฉีดน้ำ พ่นน้ำให้ชุ่มเติมน้ำที่ถาดรองเพาะให้สูงประมาณ 0.5 ซม. (ใช้น้ำธรรมดาที่ยังไม่ได้เติมสารละลายธาตุอาหาร) 2. หมั่นคอยตรวจดูระดับน้ำในถาดรองเพาะ ต้องให้มีน้ำสูง 0.5 ซ.ม.เสมอ 3. ระยะเวลา 3 วันแรก ให้เก็บถาดเพาะไว้ในที่ร่ม 4. เมื่อต้นกล้าอายุครบ 4 วัน เติมน้ำที่ผสมธาตุอาหาร( AB ตามอัตราส่วนที่บอกไว้ข้างขวด)แล้วลงไปให้สูง 0.5 ซ.ม. หลังจากนั้นนำออกมารับแสงแดดรำไร 5. เมื่อต้นกล้าอายุครบ 2 สัปดาห์ สามารถย้ายลงรางปลูกได้ วิธีการปลูก 1. หลังจากได้ต้นกล้าที่เพาะไว้แล้ว ให้นำต้นกล้าย้ายลงรางปลูกที่ได้เตรียมไว้แล้ว ล้างถังที่จะใส่สารละลายธาตุอาหารให้สะอาด เติมน้ำสะอาดประมาณ 3/4 ของถัง 2. ใส่สารละลายธาตุอาหารลงในน้ำสะอาดที่ได้เตรียมไว้ โดยให้ใส่ธาตุอาหาร Aและ B ในอัตราส่วนอย่างละ 5 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 1 ลิตร 3. ต่อไฟฟ้าเพื่อเดินเครื่องปั๊มน้ำให้น้ำไหลผ่านรางปลูก พร้อมกับทำการตรวจสอบระบบว่ามีที่ชำรุดรั่วไหลหรือไม่ 4. ต้องสังเกตุน้ำทุก 10 วัน ว่าถังน้ำมีปริฒารน้ำลดลงหรือไม่ ถ้าน้ำมีปริมาณลดลงเติมน้ำเพิ่มลงไปโดยเติม สารละลาย AB ตามอัตราส่วนข้างขวด 5. ประมาณ 6 สัปดาห์ (40 – 45 วัน) ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ |
วิธีการการเพาะ มี 2 แบบ คือ วิธีการใช้ฟองน้ำและ ใช้ เพอร์ไรท์ วิธีที่สอง.............วิธีการเพาะเมล็ด ด้วย ฟองน้ำ 1. นำแผ่นฟองน้ำใส่ลงไปในกระบะเพาะให้เต็มกระบะ และลดน้ำลงไปในกระบะเพาะพร้อมกับกดฟองน้ำเพื่อให้ฟองน้ำอุ้มน้ำไว้เต็มที่ 2. ในการเพาะเมล็ด ให้น้ำไม้จิ้มฟันเตะน้ำและนำไปเตะเมล็ดพันธุ์ให้ติดประมาณ 2-3 เมล็ด แล้วนำไปสอดลงในฟองน้ำที่มีรอยบากไว้แล้ว โดยสอดลงไปประมาครึ่งหนึ่งของฟองน้ำเท่านั้น เพราะหากลงลึกเกิน ไปเมล็ดจะแตกใบออกมาช้า และหากตื้นเกินไปเมล็ดจะงอกรากช้า 3. เมื่อเพาะเมล็ดลงในฟองน้ำเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้ฟักบัวรดน้ำเช้าเย็น และเก็บกระบะเพาะไว้ในที่มีแสงอ่อนๆ 4. วันที่ 2 หลังจากเพาะ ให้นำถาดเพาะต้นกล้าออกมารับแสงแดดในช่วงเช้าประมาณ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นนำไปเก็บไว้ในที่ร่ม ทำเช่นนี้ประมาณ 4-5 วัน 5. เมื่อต้นกล้ามีอายุประมาณ 7 วัน ให้นำลงไปเพาะในแปลงที่เตรียมไว้ โดยนำต้นกล้าสอดจากด้านล่างของแปลงปลูก และสอดเข้าไปเพียงครึ่งหนึ่งของแผ่นฟองน้ำเท่านั้น เพราะจะทำให้รากพืชได้รับน้ำเต็มที่ หลังจากปลูกได้ 2 วันให้เติมปุ๋ย A และปุ๋ย B ลงไปในถังอย่างละ 1 ลิตร 6. ทำการปรับสะดือน้ำเมื่อผักอายุได้ประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อให้แปลงปลูกผักมีช่องว่างระหว่างน้ำกับราก ทำให้รากได้รับออกซิเจนและสามารถเจริบเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น 7. หลังจากนี้ผักจะดูดน้ำมาก เมื่อน้ำแห้งให้เติมน้ำลงไปให้ได้ระดับเดิม พร้อมกับเติมปุ๋ย A และB ลงไปตามขั้นตอนเดิม 8. เมื่อผักอายุได้ประมาณ 25-30 วันก็สามารถเก็บไปรับประทานได้ ยกเว้นผักคะน้า กวางตุ้ง และผักสลัดต่างประเทศ จะมีอายุ 40-45 วันจึงจะเก็บไปรับประทานได้ หมายเหตุ เมื่อใกล้ถึงกำหนดที่จะเก็บผักประมาณ 1 อาทิตย์ให้เริ่มเพาะต้นกล้าชุดต่อไปไว้ล่วงหน้าเพื่อที่จะได้มีผักปลูกอย่างต่อเนื่อง |
การเก็บเกี่ยว ก่อนการเก็บเกี่ยว 1 อาทิตย์ ไม่ควรเติมสารละลายเพิ่มเติม ลงในระบบ ท่านอาจถ่ายน้ำในระบบออก แล้วเติมน้ำเปล่า อย่างเดียวก็ได้อายุ ที่เหมาะสมสำหรับการเก็บเกี่ยว หรือ บริโภค ประมาณ 4 - 7 สัปดาห์ |